คมคิด
เมื่อวานนี้เป็นอีกวันที่ผมโชคดี เพราะได้มีโอกาสฟังเสวนาจากคุณอนันต์ อัศวโภคิน
ชื่อเสียงเรียงนามของท่านผู้นี้คงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก เพราะทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดนักธรุกิจของไทย และเป็นไอดอลของหลายๆคน
คุณอนันต์มาเล่าให้ฟังถึงแง่คิดในการทำธุรกิจต่างๆที่ท่านเจอมา เรียกว่าสาระจัดหนัก จัดเต็ม ทุกคนนี่จดกันมือเป็นระวิง
ท่านได้กรุณาเล่าเรื่องธุรกิจให้เล่าฟังหลายเรื่อง และเรื่องก็น่าสนใจทุกเรื่อง แต่วันนี้ผมอยากเอาเรื่องนึงมาแชร์ต่อครับ ผมรีบจดมากถ้ารายละเอียดตกหล่นหรือผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะครับ
มันคือเรื่องของ Terminal 21 ซึ่งเกิดมาจากแนวคิดของท่านที่ว่าในแนวรถไฟฟ้าแต่ห้างที่มีแต่ห้างที่ทำให้คนกลุ่ม B + ถึง A+ ทั้งนั้นไล่มาตั้งแต่ พารากอน Central World ชิดลม Embassy ถึง Emporium/ EmQuartier คุณอนันต์เลยอยากทำห้างที่จับลูกค้ากลุ่มอื่นบ้าง
เริ่มต้นทำ Terminal 21 ก็พยายามคิดว่าจะหาอะไรเป็น magnet มาดึงเข้าคนศูนย์การค้า
ถ้าจะเอาร้านค้าใหญ่ๆมาก็ลำบาก เพราะแถบนั้นมีห้างติดๆกันหลายห้าง ร้านก็ไม่อยากมาลงติดๆกัน คุณอนันต์ก็เลยคิดว่างั้นเอา magnet อื่นละกัน ตัวเลือกเลยมาตกที่อาหารเพราะยังไงคนก็ต้องกินอาหารทุกวัน ท่านเลยคิดว่างั้นทำอาหารให้คนที่มากินมีความสุขและสบายกระเป๋าละกัน
ก็เลยเกิด food court Terminal 21 ขึ้นมา
ตอนจะเปิดคุณอนันต์เดินดู food court ก็เห็นราคาที่ติดไว้ 50-60 ท่านก็เลยบอกลูกน้องว่าราคานี้ไม่ไหวแพงไปคนทั่วไปยังกินไม่ได้ ไปทำราคามาใหม่
ลูกน้องท่านก็กลับทำราคามาใหม่เป็น 40-45 บาทคุณอนันต์ก็บอกว่ายังแพงไปอีก และเสริมว่าเอางี้ละกัน พวกคุณไปแก้ราคามา ถ้าคุณทำแล้วมีกำไร ผมตัดโบนัสคุณ ถ้าทำแล้วขาดทุนจะมีโบนัสให้
เคยมีเจ้านายที่ไหนสั่งแบบนี้ไหมครับ ผมฟังแล้วถึงกับเหวอไป
คราวนี้ราคากลับมาใหม่ ราดหน้าเหลือ 28 บาท ข้าวมันไก่เหลือ 30 บาท ทุกวันนี้ราคาพวกนี้ยังปิดทับป้ายราคาที่แพงกว่าอยู่เลย ถ้าใครสังเกตจะมองเห็น
ที่ทำราคาได้ถูกขนาดนี้เพราะว่าที่นีาร้านไม่มีค่าเช่า
ทุกอย่างออกแบบมาเพื่อ magnet อันนี้จริงๆ แม้แต่บันไดเลื่อนขาขึ้นก็ยังออกแบบมาให้คนเดินไป food court ได้ง่ายๆเร็วๆ ส่วนขาลงค่อยเดินดูร้านค้า
ตอนเปิด food court ใหม่ๆ คุณอนันต์ไปนั่งดูงานด้วยตัวเอง ท่านสังเกตว่าทำไมบ้างร้านปิดเร็ว บางทีทุ่มนึงก็ปิดแล้ว ทั้งๆที่ศูนย์การค้าปิดสี่ทุ่ม
ท่านก็เลยไปคุยกับเจ้าของร้าน ก็ปรากฏว่าที่ต้องปิดเร็วเพราะของหมด เนื่องจากสาขานี้ขายดีกว่าสาขาอื่นถึง 4 เท่า และไม่สามารถซื้อของมาเพิ่มได้มากกว่านี้เพราะหมุนเงินไม่ทัน ที่หมุนเงินไม่ทันเพราะ food court จ่ายเงินร้านค้าทุก 30 วัน
คุณอนันต์ได้ยินแบบนี้ก็เลยสั่งให้ลดเวลาจ่ายเงินเป็นจ่ายทุก 15 วันแทน
ปัญหานี้ก็จบไป
ร้านก็เปิดได้จนถึงเกือบๆสี่ทุ่ม
และ food court เป็น magnet ที่สำคัญของ Terminal 21 จริงๆคนเต็มตลอดทั้งวัน และคนมากินส่วนนึงก็ต้องลงมาซื้อของด้วย
ไม่ใช่แค่กับคนไทย ที่นี่ยังเป็นที่นิยมของชาวต่างด้วย มีรถทัวร์มาลงเป็นประจำ และผมยังทราบมาอีกด้วยว่าในเวบไซด์ท่องเที่ยวดังๆหลายแห่งให้ที่นี่เป็นแหล่งของกินที่คุ้มค่าสุดๆ เราจึงเห็นชาวต่างแวะมาเยี่ยมเยียนที่นี่จนชินตา
และบอกต่อกันไปแบบปากต่อปากด้วย
ทั้งหมดที่ทำมานี้คุณอนันต์บอกว่า food court ขาดทุนอยู่ปีละ 20 ล้าน
ทุกท่านอาจจะงง ขาดทุน 20 ล้านจะเป็นเรื่องที่ดีได้อย่างไร
มันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับถ้าเรามองว่ามันเป็นงบประมาณการตลาดของศูนย์การค้าแห่งนี้
เพราะสำหรับงบการตลาด 20 ล้านนี่ทำโฆษณาอะไรแทบไม่ได้เลยครับ แถมทำไปแป๊ปเดียวคนก็ลืม
สู้ทำแบบนี้เจ๋งกว่าเยอะ
กลยุทธ์นี้จึงเรียกได้ว่าคมกริบ มองเห็นอะไรขาดสุดๆ
เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า คนที่เก่งสุดๆไม่เคยมองอะไรชั้นเดียว
มองหลายชั้นเสมอ
บางทีกำไรไม่ได้แปลว่ากำไร
ขาดทุนก็ไม่ได้แปลว่าขาดทุน ถ้าเรารู้ว่าขาดทุนไปทำไม
**เอาบทความไปใช่ต่อได้ครับ แต่ช่วยให้เครติดคนเขียนนิดนึง**
เครดิตภาพและบทความ https://www.facebook.com/marketingeverythingbook/photos/a.215431685328083.1073741829.215052905365961/479453995592516/?type=3&theater