แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2017 อสังหาฯโคม่า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2017 อสังหาฯโคม่า แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

2017 อสังหาฯโคม่า


อสังหาฯโคม่า ธนาคารปล่อยสร้าง แต่สกัดผู้กู้ คอนโดฯเหลือขายบานกว่า 3 หมื่นหน่วย ไตรมาสแรกยอดโอนหายวับ 40% ปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง 50% พบแบงก์คุมเข้มเพิ่มเกณฑ์รายได้ขั้นตํ่า 2.5-3 หมื่นบาทขึ้นไป ‘เฟิสต์จ็อบเบอร์-วัยเกษียณ’ อ่วม

ผลประกอบการไตรมาส1/ 2560 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประกาศออกมาแล้วพบว่า รายได้ และกำไรลดลง 7-8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นตัวสะท้อนภาพธุรกิจนี้ว่ากำลังเข้าสู่ภาวะฝืดเคืองอย่างมาก แม้ว่าการเปิดโครงการใหม่จะคงมีอย่างต่อเนื่อง จนหลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ซํ้าเติมภาวะเศรษฐกิจไทยอีกระลอก

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่า ยังไม่เลวร้ายเท่าปี 2540 แม้ว่ายอดหนี้เสียในกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และสถาบันการเงินเพิ่มมาตรการคุมเข้มในการอนุมัติสินเชื่อ ให้กับผู้กู้ซื้อบ้านที่อยู่อาศัย จนส่งผลให้ยอดการโอนและการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินพุ่งขึ้นไปอยู่ในระดับ 40-50% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับล่างและระดับกลางที่เป็นตลาดใหญ่สุด

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ปัญหาใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ คือ การที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อโครงการให้กับผู้ประกอบการที่สามารถทำยอดขายได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ แต่หลังจากการก่อสร้างเสร็จแล้ว ลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ที่อยู่อาศัยกลับไม่ได้รับอนุมัติเงินจากธนาคาร ทั้งๆที่ก่อนโครงการจะสร้างเสร็จ ได้เตรียมความพร้อมตรวจคุณสมบัติของลูกค้าก่อนยื่นขอสินเชื่อ แต่เมื่อยื่นไปให้กับธนาคาร กลับไม่ได้รับการอนุมัติ

“ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะแจ้งว่า สถานะของลูกค้าเปลี่ยนไป ทำให้ลูกค้าต้องทิ้งการจอง และกลายเป็นภาระของบริษัท ที่จะต้องนำกลับมาขายใหม่ ซึ่งที่ผ่านมามีค่อนข้างมาก และถือเป็นฟองสบู่แบบใหม่ในธุรกิจสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้” นายพรนริศ กล่าว
ยอดทิ้งโอนเพียบ

ด้านนางประวีรัตน์ เทวอักษร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด กล่าวว่า ความเข้มงวดของสถาบันการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการ โดยยอดปฏิเสธสินเชื่อ นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ตัวเลขเห็นได้ชัดจากยอดขายรวมในปี 2559 ที่มียอด 480 ล้านบาท แต่มาโอนจริงและยอดรับรู้รายได้ 300 ล้านบาท จากภาวะตลาดปกติที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อจะตกประมาณ 5-10%

นอกจากนี้ยังพบว่า บางสถาบันการเงินได้ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้เสีย (NPL) เช่น เดิมผู้สูงอายุที่อยู่ในวัยเกษียณสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากมีรายได้ประจำจากเงินบำนาญ หรือผู้กู้ที่เป็นเอสเอ็มอี ที่ไม่มีรายได้ประจำ จะไม่ได้รับพิจารณาสินเชื่อ หลังจากปีที่แล้วพบว่าลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอีไม่มาโอนจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทต้องเปลี่ยนมาเจาะกลุ่มลูกค้าพนักงานบริษัทแทน นางประวีรัตน์กล่าว

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2560 บริษัทมีผลการดำเนินการลดลง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 225 ล้านบาท ลดลงจำนวน 256 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559 แม้ยอดขายจะทำได้ 302 ล้านบาท แต่สามารถโอนจริงได้เพียง 156 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ เช่น สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อไม่ครบ 100% ตามที่ยื่นขอสินเชื่อ ซึ่งตัวผู้กู้เองก็ไม่อยากจ่ายเงินสดเพิ่ม คุณสมบัติของผู้กู้ไม่ผ่านทำให้ต้องปฏิเสธสินเชื่อ โดยกลุ่มคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนที่ไม่สามารถโอนได้สูงถึง 38% แนวราบอยู่ที่ 26% ที่เหลือเป็นยอดปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินประมาณ 36% บริษัททำได้พียงติดตามและติดต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หวังว่าลูกค้าจะกลับมาซื้ออีกครั้ง


เครดิต ฐานเศรษฐกิจ