ครึ่งแรกปี 66 ไทยแลนด์เจ็บหนัก!
ต่างชาติเทขายหุ้นมากสุดในภูมิภาค
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาปัจจัยกดดันจากภายนอกและภายใน ทั้งแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความไม่แน่นอนจากการจัดตั้งรัฐบาลของไทย ฯลฯ กดดันให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
.
วันนี้ Wealthy Thai จึงมีสรุปข้อมูลตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 ว่า 9 ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จะมีเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าและไหลออกประเทศไหนมากที่สุด
.
โดยบทวิเคราะห์ของบริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยโดนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปแล้วกว่า 3,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มประเทศภูมิภาค รองลงมาคือ ตลาดหุ้นมาเลเซีย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 887 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถัดมาคือ ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 467 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่โดนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
.
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นญี่ปุ่น มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติรวมทั้งสิ้น 45,533 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดหุ้นที่มีสถานะเป็นซื้อสุทธิมากที่สุด รองลงมาคือ ตลาดหุ้นไต้หวัน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 11,247 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถัดมาคือ ตลาดหุ้นอินเดีย นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 9,722 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อมาคือ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,944 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สุดท้าย ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
.
การเมืองคลี่คลาย หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะถูกนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณที่ดูดี อีกทั้งล่าสุดสถานการณ์การเมืองในประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังเสร็จสิ้นการคัดเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ปัจจัยการเมืองที่ดูผ่อนคลายขึ้นตามลำดับสร้าง Sentiment เชิงบวก เห็นได้จากเม็ดเงินต่างชาติทยอยไหลเข้าประเทศไทย ทั้งในส่วนของตราสารหนี้และตลาดหุ้น
.
โดย 5 วันที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิทั้งหุ้น และตราสารหนี้ไปกว่า 1.1 พันล้านบาท และ 1.4 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จนทำให้ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 34.87 บาทต่อเหรียญฯ (แข็งค่ากว่า 1% ในช่วงเวลาเดียวกัน) ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีต่างชาติยังคงขายสุทธิทั้งหุ้นและตราสารหนี้ไปกว่า 1.1 แสนล้านบาท และ 7 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ นั้นแสดงให้เห็นว่ายังมีช่องว่างอีกมาก ให้ต่างชาติสามารถซื้อสุทธิได้
#หุ้น #StockInfo #ฟันด์โฟลว์ #SET #WealthyThai