“สไตล์” ลงทุนแต่ละแบบ...เหมาะกับภาวะตลาดที่ “แตกต่างกัน” !!!
.
Where2put Ur Money: มาถึงช่วงครึ่งปีหลัง 2566 กันแล้ว แต่หากเราไปสำรวจพอร์ตลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก ผลตอบแทนของพอร์ตคงเป็นเครื่องสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ที่ผกผันไปกับปัจจัยการลงทุนต่างๆ ซึ่งจะเห็นว่า 6 เดือนที่ผ่านมามีปัจจัยและตัวแปรในเชิงลบที่ทำให้ราคาสินทรัพย์มีความผันผวน การจะหาผลตอบแทนที่สอดคล้องกับภาวะตลาด นอกจากการติดตามข่าวสารแล้ว กลยุทธ์ก็มีส่วนสำคัญ แน่นอนว่านักลงทุนแต่ละคนมี “สไตล์” ลงทุนที่แตกต่างหลากหลายกันไป อาจสรุปสไตล์ลงทุนออกมาได้หลักๆ ดังนี้
.
1) ประเภทเน้นเทรดสั้นรายวัน รายสัปดาห์ คือ เล่นสั้นเป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์ มีการใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยเทรด
.
2) ทยอยซื้อสะสมแล้วรอจังหวะทำกำไร เป็นการลงทุนแบบมีวินัย ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี หรือจะใช้วิธีออมหุ้นแบบ DCA
.
3) ประเภทรอซื้อตอนราคาลงมามากๆ เป็นสไตล์การลงทุนแบบรอซื้อหุ้นดีราคาไม่แพง หรือถือเงินสดรอซื้อจังหวะที่ราคาหุ้นกลับตัว
.
4) แบบเน้นซื้อแล้วถือระยะกลาง-ยาว คือ เลือกซื้อหุ้นที่พื้นฐานดีมีแนวโน้มเติบโตและถือไปประมาณตั้ง 1-3 ปี เพื่อหวังว่าจะได้ผลตอบแทนสูง
.
5) เข้าซื้อตอนตลาดเป็นขาขึ้น (แต่ยังไปไม่สุดทาง) เป็นสไตล์ที่ชอบซื้อหุ้นช่วงตลาดเป็นขาขึ้น เพราะเลือกหุ้นได้ง่าย และพร้อมขายเมื่อราคาหุ้นกลับตัว
.
6) เลือกลงทุนในหุ้นเพื่อรับปันผล เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบเสี่ยง เลยเลือกถือหุ้นที่จ่ายปันผลดีและรอขายทำกำไรถ้าราคาขึ้นไปมาก
.
7) ประเภทลงทุนแบบ Hybrid คือ แบ่งเงินลงทุนในหุ้นเพื่อรับเงินปันผล อีกส่วนลงทุนแบบเน้นเทรดเพื่อทำกำไร
.
“จะเห็นว่ามีหลากหลาย ‘สไตล์’ ลงทุน แต่ไม่ว่านักลงทุนแต่ละคนจะชอบถือถนัดลงทุนแบบใด เมื่อมองมาที่ทิศทางของราคาสินทรัพย์ที่เราลงทุนแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน ที่ต้องวิเคราะห์แนวโน้มและประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ”
.
และหากมองมาที่ประเด็นที่อาจเป็นตัวแปรต่อการลงทุน นอกเหนือจากเรื่องเงินเฟ้อและนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวฯ ยังมีตัวแปรอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพภูมิอากาศโลก เทรนด์ของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเข้าสู่ธุรกิจ เทรนด์การใช้พลังงานสะอาด รวมไปถึง เรื่องภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่เกิดการแบ่งขั้วรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ที่อาจมีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการใช้สกุลเงินต่างๆ ทั้งหมดนี้มีผลเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในเชิงของเทรนด์ที่เปลี่ยนไป
.
ดังนั้นรูปแบบ “สไตล์” ลงทุนแต่ละแบบอาจเหมาะกับภาวะตลาดในรูปแบบที่แตกต่างกันไป แต่เรื่องของการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา การเลือกกลยุทธ์ลงทุนควบคู่ไปกับการศึกษาข้อมูลที่มากพอ การมีวินัย การประเมินความเสี่ยง รวมถึงการวางแผนและวัตถุประสงค์การลงทุน คือสิ่งสำคัญของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้
#Where2putUrMoney #สไตล์ลงทุน #WealthyThai
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น