วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

สรุปบทเรียนที่ได้จากการทำธุรกิจ

Black Text: Crisis Management on red background. Abstract for management business and situation Management.

Review 2018
โดนไปเกือบ 10 ล้าน จึงได้เรียนรู้
"สรุปบทเรียนที่ได้จากการทำธุรกิจ"
เป็นรวมตะกอนความคิดที่ผมได้พบเจอตลอดช่วงเวลาที่ทำธุรกิจเเละจดไว้ทุกๆวัน บางข้ออาจใช้ได้ บางข้ออาจใช้ไม่ได้แล้ว ขึ้นอยู่กับจังหวะ เวลา และธุรกิจ แต่ลองอ่านเล่นดูนะครับ
====================
พาร์ทเนอร์ที่ดีต้องทะเลาะกันตั้งแต่วันแรก ด่ากันให้จบ ตกลงกันให้เคลียร์ ผลประโยชน์ต้องชัดเจน อย่าร่วมธุรกิจด้วยความเกรงใจ เดี๋ยวจะเสียเพื่อนในอนาคต
พาร์ทเนอร์ พาร์ทเนอร์ที่ดีต้องรู้จักนิสัยใจคอ ทัศนคติเหมือนกันและรู้จักกันมาหลายๆปี อย่าหาพาร์ทเนอร์เพราะเค้ารวย เพราะเรื่องบางเรื่องเงินก็แก้ปัญหาไม่ได้ เงินไม่ใช่ทุกอย่างของธุรกิจ
อย่าหาพาร์ทเนอร์ที่ไม่มีเวลา เพราะธุรกิจต้องการการดูแล ไม่ใช่จะมานั่งกระดิกเท้าแล้วได้เงิน
อย่าหาพาร์ทเนอร์สายวิชาการ เพราะความรู้เค้าเยอะเกิน คิดเยอะทุกจุด จนเราไม่กล้าทำอะไร เเต่เหมาะจ้างมาไว้เป็นผู้บริหาร
พาร์ทเนอร์ที่ดีเวลาอยู่ด้วยกันต้อง Synergy กัน มีความถนัดแต่ละด้านและช่วยเหลือกันได้ดี ไม่ใช่แค่บวกกัน หรือรวมกันแล้วช่วยกันนั่งงงเพราะทำไรไม่เป็น
ธุรกิจเจ๊งอันดับต้นๆเกิดจากการไม่เข้าใจกันของพาร์ทเนอร์ ดังนั้นถ้าเจอเพื่อนที่เป็นพาร์ทเนอร์ดีๆ รักษาไว้ เพราะสำคัญมากกว่าปัญหาธุรกิจมากนัก
อย่าให้เพื่อนยืมเงิน เพราะจะเสียทั้งเงินและเสียทั้งเพื่อน
มองให้ออกว่าธุรกิจที่สนใจเป็นเทรนด์หรือเป็นแค่กระแส ต้องคิดดีๆว่า อีก 1 ปี 3 ปี 5 ปี มันยังอยู่มั๊ย
ธุรกิจต้องคุยกันประจำสม่ำเสมอ ธุรกิจไหนคุยกันอาทิตย์ละครั้ง คุณช้ากว่าบริษัทอื่นไป 7 วัน แล้ว เดือนหนึ่งคุณคุยกัน 4 ครั้ง คู่แข่งทำไปแล้ว 30 วัน
ธุรกิจที่ไม่มีเวลาดูแล ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ทำธุกิจต้องดูแล มันไม่มีทางอยู่เฉยๆ แล้วเงินจะมา ต้องลงมือ ต้องลงแรงไม่มีใครรักธุรกิจเราเท่าตัวเราเอง
อย่าทำธุรกิจที่เราไม่สามารถดูแลได้หรือไม่มีความรู้ หรือต้องพึ่งคนอื่นเป็น core หลัก เพราะเราจะเหนื่อยและไม่มีอำนาจต่อรอง
จ้างคนมีประสบการณ์ย่อมดีกว่าคนไม่มีประสบการณ์ บางครั้งอาจแพงหน่อยแต่คุ้มค่า
อย่าหลงคารมคนขี้โม้ที่มีแต่โปรไฟล์แต่ไม่มีผลงาน
ทำธุรกิจอย่าหน้าใหญ่ อย่ามือหนัก จ่ายมั่ว ควรลงทุนในสิ่งที่สร้าง Cashflow ให้บริษัท หรือเป็น Core หลักของบริษัทก่อน อย่าลงทุนไปในสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้
ธุรกิจเป็นเหมือนเด็กที่ต้องปั้น ต้องรอเวลาให้เติมโต ไม่มีใครเซทธุรกิจแล้วพร้อมสมบูรณ์แบบ 100% ตั้งแต่วันแรก ควรแบ่งเป็นเฟสๆ
อย่าทำธุรกิจฉาบฉวยเพราะเครดิตสำคัญกว่าเงิน รักษาไว้ให้ดี คนไม่มีเครดิต เงินซักบาทก็หายาก แต่คนมีเครดิต เงินเท่าไหร่ก็หาได้
ธุรกิจเป็นเรื่องของแบ่งปันผลประโยชน์ ทุกอย่างตกลงได้หมด ไม่มีสัญญาหรือดีลอะไรตายตัว บางอย่างมันตั้งไว้เผื่อต่อ
ทำธุรกิจอย่า take all แต่ต้องวิน วิน วิน ทุกฝ่าย ไม่มีใครอยากทำธุรกิจแล้วไม่ได้กำไรหรอก คนอื่นจะไม่อยากทำงานด้วย ทุกคนต้องได้เงินเหมาะสม
ทำธุรกิจต้องมองภาพกว้าง มองระยะยาวให้ออก อย่าโลภอยากรวยไว โดยไม่นึกถึงคนอื่น
สินค้ามูลค่าเกินสองสามล้าน ควรร่างสัญญาให้ละเอียด ค่าทนายร่างสัญญาไม่กี่บาทหรอก แต่จะช่วยลดความเสียหายได้หลายล้านมาก
อยากได้ ล้าน บางครั้งต้องเอา แสน แลก
อยากได้ แสน บางครั้งต้องเอา หมื่น แลก
อยากได้ หมื่น บางครั้งต้องเอา พัน แลก
ไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่ลงทุน ไม่ลงแรง ไม่ลงความรู้ แล้วจะรวยได้ และต้องถามตัวเองดูว่า สิ่งที่คุณทุมเทไป มันมูลค่าเท่าไหร่
เมื่อคุยรายละเอียดงานเสร็จให้ สรุปและคอนเฟิร์มงาน หรือเซนสัญญาทุกครั้ง ไม่เช่นนั้น จะโดนตอดนิดตอดหน่อยหรือเกิดเรื่องที่ไม่เป็นตามตกลงได้
เจ๊งบนกระดาษให้หมด ดีกว่าเสียเงินหลายล้านเพราะความไม่รู้ วิเคราะห์ให้ครอบคลุมทุกประเทศ นึกภาพในหัวให้ออก
การสั่งผลิตสินค้าลอตแรกแพงเท่าไหร่ก็ได้ ขอให้ได้สินค้าจำนวนที่น้อยๆที่สุด เพราะเราต้องซื้อมาลองตลาดก่อน ซื้อมาดูฟีดแบคลูกค้าก่อน ดู Flow ดูทราฟฟิคก่อน ลอตต่อไปค่อยสั่งเยอะ
คู่ค้าที่ดี ไม่ใช่ต้นทุนถูกแล้วจะแข่งกับคนอื่นได้ มันมีเรื่องหาความเชื่อใจ ความสม่ำเสมอ ความเป็นมืออาชีพ เซอร์วิสที่ดี และ การช่วยกันแก้ปัญหาเวลาอีกฝ่ายเจอปัญหาด้วย ไม่ใช่ขายให้แล้วจบไป ต้องคิดเผื่อเค้าด้วย คู้ค้าที่ช่วยแก้ปัญหาให้เราไม่ได้ อย่าไปร่วมงาน มันเหนื่อย
ต้องหาลูกค้าก่อน ค่อยหาสินค้า อย่าผลิตสินค้าแล้วค่อยมาถามว่าจะขายใคร ขายยังไง ลูกค้าต้องการมั๊ย
การทำธุรกิจอย่ามองแค่ตัวเอง อย่าประเมินแค่ยอดขายตัวเอง บางครั้งยอดขายมันไม่ได้โกรทขึ้นเรื่อยๆทุกเดือน ต้องประเมินเทรนด์ ประเมินคู่แข่ง จังหวะของตลาด และมิติอื่นๆด้วย หลายคนตายเพราะลอตแรกขายดี แต่ลอตสองขายไม่ได้
การดูคน เวลาคุยงาน ให้ดูความสำเร็จของคนที่คุยด้วย เอาผลงงานมาคุยกัน อย่าดูที่มันโม้ อย่าดูที่การเก่งกาย เข็มขัด กระเป๋า ต้องแยกตัวจริงให้ออก
ทำธุรกิจถ้าทำให้ดีกว่าที่มีอยู่ไม่ได้ อย่าไปทำไม่มีแต้มต่อและเหนื่อยเปล่าๆ
ระวังคู่แข่งรายใหญ่ เพราะเค้าคิดบิดนิดเดียวเราก็ตายได้
การทำบัญชีสำคัญ เราจะได้รู้ว่าเราควรแบ่งเงินไปลงทุนที่ส่วนไหน การบริหารต้นทุนและรายรับรายจ่าย ก็เป็นหนทางเพิ่มกำไรอีกทางนึง
ทุกคนในองค์กรมีหน้าที่และความสำคัญแตกต่างกันไป ทำงานให้ถูกหน้าที่ ถ้าไม่เข้าใจหน้าที่ของตัวเอง องค์กรจะยิ่งโตช้า
ทำธุรกิจกับต่างประเทศ เก็บเงินก่อน อย่าให้เครดิต
ไปที่ใหม่ที่ไม่คุ้นเคยให้หาพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง อย่าหลับหูหลับตาเดินใสๆเข้าไปให้เค้ากระทืบ
อย่าคิดว่าเราอยากขายอะไร ต้องถามลูกค้าว่าเค้าต้องการอะไร
ทำธุรกิจอย่าใจดี ยิ้มบ้างเพื่อสร้างมิตร โหดบ้างเพื่อไม่ให้ใครมารังแก อย่าเป็นเด็กให้เค้าขูดเลือดขูดเนื้อได้
อย่าอีโก้ คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจแรก ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในธุรกิจต่อไป
โอกาสมักมากับคนรู้จักใหม่ๆ ยังใช้ได้เสมอ เจอคนให้มาก เจอโลกให้มาก เรียนรู้ให้มาก
ไม่มีเงิน ก็ใช้แรง ไม่มีแรงก็ใช้ความรู้ แลกมันมา
ทุกอย่างคือทุน
คอนเนคชั่นสำคัญกว่าเงินและความรู้ ถึงจะมองดูเหมือนตลกร้าย แต่มันจริง
เรียนรู้จากความสำเร็จ ถ้าคนอื่นทำได้ แสดงว่าเราก็ทำได้ แต่ต้องขยันให้ได้มากกว่า
คิดและทำให้มากกว่าพูด อย่าเป็นนักธุรกิจสายคำคม สายอ่านหนังสือเยอะ แต่ไม่ลงมือทำซะที
เวลาสำคัญกว่าเงิน เงินหมดหาใหม่ได้ แต่เวลาเมื่อเสียไปแล้วไม่สามารถกลับมาอีกได้ เพราะเวลา เดินเป็นเส้นตรง ไม่ใช้เดินเป็นวงกลม
ขยันให้ถูกจุด ไม่งั้นจะเหนื่อยฟรี
อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วหรือเกิด ego จากความสำเร็จ อย่ายึดติดกับความสำเร็จ เมื่อไหร่หน้าใหญ่ เมื่อนั้นเตรียมพัง อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงหรือวางแผนหาช่องทางใหม่รอตลอดเวลา
อย่าทำตามทุกความคิดเห็น ต้องดูผลลัพธ์โดยรวม การฟังทุกความคิดเห็นทำให้บริษัทเจ๊งแน่นอน บางเรื่องยอมแล้วทำให้พัฒนาควรฟัง บางเรื่องยอมแล้วไม่ทำให้ส่วนรวมดีขึ้น เราควรยึดธงของเรา
มันมีนักธุรกิจแบบคบได้ กับ แบบคบไม่ได้
นักธุรกิจที่ดีดูที่พฤติกรรมที่ผ่านมา อย่าดูที่คำพูด ยิ่งพวกที่ชอบพูดว่าทำเพื่อคนอื่นนี่ต้องคิดดีๆ
เวลาหาลูกค้าหรือขอคอนแทค เราควรเก็บเบอร์ที่เค้ามา อย่ารอให้เค้าโทรมา เดี๋ยวตามไม่ได้
จงลงทุนกับคนขยันลงมือทำ คิดบวก มีไฟ ความสม่ำเสมอ และ อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่มีสิ่งพวกนี้
การจ้างมืออาชีพทำงานดีกว่าจ้างถูกๆ แล้วมาตามแก้ทีหลัง
รู้จักใช้เครื่องมือควบคุม Performance ตัวเองเช่น ตารางงาน ตารางนัดหมาย to do lists
ต้องโฟกัส ไม่มีใครประสบความสำเร็จทุกเกมส์ ไม่มีใครรวยได้ด้วยการกระจายความเสี่ยง ส่วนความเสี่ยงจัดการได้ด้วยความรู้และการศึกษาหาข้อมูล ยิ่งศึกษามากยิ่งเสี่ยงน้อย
อย่าเดินตามเกมส์ของคนอื่นหรือก็อปปี้คนอื่น ธุรกิจคือสงคราม กลยุทธ์ และ จังหวะ ต้องหาแนวทางของตัวเองให้เจอ
อย่าทำธุรกิจเป็นวันๆ ต้องรู้จักวางแผนล่วงหน้า 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ถึงแม้การตลาดปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปเร็ว แต่ก็ดีกว่าทำธุรกิจแบบไม่รู้อนาคตหรือทางเดินที่จะไป
ต้องมองความสะดวกของลูกค้าเป็นหลัก อย่าสร้างโมเดลมาเพื่อแค่แก้ปัญหาแต่ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
โลกออนไลน์น่าสนใจก็จริง แต่ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่อยู่ในตลาดออนไลน์ การตลาดแต่ละที่ มันมีอายุที่เหมาะสมกับเครื่องมือแตกต่างกัน
ต้องมีมาตราฐานวัด Performance ในใจ ว่าตัวเองอยู่เลเวลไหน เมื่อเปรียบเทียบ Performance ของตลาด ตอนนี้เราเดินหน้าหรือถอยหลัง เพื่อที่จะได้แก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น
ใช้กฎ 20/80 ให้เป็น งานมี 2 แบบ แบบแรกคืองาน Routine เป็นงานที่ทำประจำเพื่อรักษาสถานะของธุรกิจ ส่วนงาน New project เป็นงานเพื่อสร้างสถานะของธุรกิจในอนาคต
/ ส่วนงาน Routine ควรกระจายงานออกไปให้ได้มากที่สุด ควบคุมอยู่ห่างๆ และเฝ้าติดตามเมื่อมีปัญหา / ส่วนงาน New Project ต้องให้เวลากับมันจนกว่ามันจะเปลี่ยนเป็นงาน Routine และรอกระจายงานต่อไป
นักธุรกิจที่บริหารเวลาตัวเองไม่ได้ เอาตัวเองลงไปทำงานทุกอย่างเพราะเชื่อว่าตัวเองทำงานออกมาได้ดีที่สุด ไม่เชื่อมั่นในทีม สุดท้ายก็จะเหนื่อยและตายในที่สุด ต้องรู้จักวางระบบและบริหารเวลาให้เป็น
อย่าเป็นเจ้าโปรเจคที่วางแผนไว้สวยหรูแต่ไม่ลงมือทำซักอย่าง
เราไม่สามารถควบคุมคนได้ ถ้าเป้าหมายของเค้าไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับเรา ทุกๆคนไม่ชอบให้สั่ง แต่ควรอธิบายให้เค้าเข้าใจและลงมือทำให้เค้าดู
คน เป็นเรื่องของความหลายและแตกต่าง เพราะโตมาไม่เหมือนกัน อย่าได้คิดจะเอาชุดความคิดอันเดียว ไปใส่ให้กับทุกคน ต้องเรียนรู้และยอมรับในความหลากหลายและสิ่งที่เค้าเป็น
เจอลูกน้องคิดลบอย่าคิดเอามาร่วมองค์กร /
เจอลูกน้องทำงานดีขยันให้รักษาเท่าชีวิตให้เหมือนคนในครอบครัวของเรา / เจอลูกน้องไม่ฉลาดแต่ขยัน ไล่ออกเพราะมันเกิดความเสียหายจริงๆ เหมือนในตำราเลย
ควรให้เกียรติลูกค้าไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ ลูกค้ารายเล็กอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของที่อื่นหรือเค้าอาจเติบโตเป็นรายใหญ่ในอนาคตได้เช้นกัน
ทำธุรกิจมันจะมีช่วงลงทุน ช่วงเติบโต และช่วงเก็บเกี่ยว อย่าพึ่งเก็บเกี่ยวเร็วเกินไป มันจะทำให้ธุรกิจโตช้า
Work life balance ใช้ได้กับคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้วเท่านั้น ถ้าคุณพึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณต้องใช้แรงไปให้เต็ม 100% ถ้าทำงานประจำด้วย คุณต้องใส่ไป 200% ห้ามใส่ไป 50 50
ไม่มีคำคมไหนปลุกใจคุณได้ทั้งชีวิตถ้าไม่ลงมือทำอะไรซักที อ่านหนังสือร้อยเล่ม ฟังคนเก่งพูดร้อยครั้ง ก็ไม่มีทางไปไหนไกล
อย่าทำสินค้าบริการที่ลูกค้าไม่อยากได้
ต้องหาของที่ใช่มาขายคนที่ใช่
เงินสดโคตรสำคัญ ต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก
กระแสเงินสด(cashflow) สำคัญ กว่าเงินสด (cash)
สินค้าห่วยคือจบ ไม่ต้องไปวิเคราะห์อะไรต่อ
สินค้าดีจะทำอะไรต่อก็ง่าย แต่สินค้าดีกับสินค้าขายดีไม่เหมือนกัน
ยุคต่อไปเป็นยุคของความเร็วและความรู้
ไม่ทำมาร์เกตติ้ง คุณก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจยาก
feedback ลูกค้า คือเสียงสวรรค์ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนา ถ้าเค้ายิ่งบ่น แปลว่าเค้าใส่ใจ
ธุรกิจมันมี cycle และจังหวะของมัน ถ้าไม่ใช่อย่าฝืน ต้องรอ
แม้จะคิดมาเยอะขนาดไหน พอลงสนามจริงก็มีเรื่องให้ปรับอยู่ดีเป็นเรื่องปกติ อย่าคิดมาก
ทุกการลงทุน เราต้องประเมินให้ได้ว่าเคสหนักสุดที่เราจะสูญเสียคืออะไร ต้องคิดไว้ตั้งแต่แรก อย่าคิดตอนมันขาดทุนแล้ว มันเครียด เช่น โปรเจคนี้โดนอย่างมากแสนนึง ถ้าคิดว่าไหว ก็ทำ ไม่ต้องมาเสียใจ กันขาดทุนไว้เลย
อย่าทำการตลาดเกินตัว ธุรกิจแต่ละช่วงมีขนาดที่เหมาะสมกับไซท์ค่าการตลาด ธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่องของเงินอย่างเดียว
ดีลที่ดี มันต้องใช่ทั้งดีล และ คนดีล ยิ่งถ้าคนดีลที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แล้วแต่งตัวจัดเต็มแบรนด์เนม ตั้งแต่เข็มขัด กระเป๋า นาฬิกา หรูๆ นี่ต้องเชคดีๆเลย อาจจะตัวปลอม 55
อยากรวยต้องคุยกับคน ไม่รู้ต้องถาม ถ้าอยากจนก็เงียบไว้ ไม่ต้องคุยกับใคร
ทำแบบเดิม เเต่หวังยอดขาย 2-3 เท่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และทุกระดับยอดขาย มีวิธีการได้มาแตกต่างกัน
เมื่อไหร่ที่เก่งสุดๆ ต้องพิจารณาตัวเอง
ต้องรู้จักให้เครดิตคนอื่น ให้พื้นที่เค้าได้แสดงออก แสดงความสามารถ
บทความดีๆ ในโลก โซเชี่ยล นำมาให้อ่านกันครับ…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น