ผมเริ่มต้นวางแผนการออมเงินเมื่ออายุ 35 ปี
ออมเงิน 20% ของรายได้
เพื่อให้มีเงินพอใช้ได้ตลอดชีวิต
ออมเงิน 20% ของรายได้
เพื่อให้มีเงินพอใช้ได้ตลอดชีวิต
ผมใช้เวลาออมเงินตลอดมา 30 ปี
จนกระทั้งเกษียณ
จนกระทั้งเกษียณ
เริ่มต้นเมื่ออายุ 35
ถึงแม้ยังไม่สายเกินไป
แต่รู้ตัวว่าไม่มีเวลาเหลือให้รออีกแล้ว
ถึงแม้ยังไม่สายเกินไป
แต่รู้ตัวว่าไม่มีเวลาเหลือให้รออีกแล้ว
เป็นเรื่องจริงที่หลายคน
ไม่เคยคิดวางแผนทางการเงินให้ตัวเองในยามแก่ตัว
ไม่เคยคิดวางแผนทางการเงินให้ตัวเองในยามแก่ตัว
พวกเขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเองก็มีวันชรา
และเผลอเพียงชั่วพริบตามันก็มาถึง
กว่าจะรู้ว่า เขาจะหาเงินได้ไม่พอใช้จนถึงวันสุดท้าย
มันก็มักจะสายไปเสียแล้ว
และเผลอเพียงชั่วพริบตามันก็มาถึง
กว่าจะรู้ว่า เขาจะหาเงินได้ไม่พอใช้จนถึงวันสุดท้าย
มันก็มักจะสายไปเสียแล้ว
“โอกาส” ไม่เพียงหมดไป
แต่ “เวลา” ยังโบยบินจนเหลือน้อย
แต่ “เวลา” ยังโบยบินจนเหลือน้อย
เริ่มต้นเมื่ออายุ 35 ปี แม้ยังไม่สายไป
แต่มันจะง่ายและได้เปรียบมาก
ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่มันจะง่ายและได้เปรียบมาก
ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย
จะได้เปรียบสุดๆเลยล่ะ
ถ้าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนแรกที่ทํางาน
ถ้าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนแรกที่ทํางาน
เคยคิดอยากหมุนเวลากลับไปมีอายุ 25 ได้อีกครั้ง
ด้วยมีเรื่องที่ต้องกลับไปแก้ไขหลายเรื่อง
และคงฟังใครต่อใครที่พยายามเตือนเราให้มากกว่านี้
ด้วยมีเรื่องที่ต้องกลับไปแก้ไขหลายเรื่อง
และคงฟังใครต่อใครที่พยายามเตือนเราให้มากกว่านี้
สิ่งที่ผมต้องการมันเป็นไปไม่ได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นไปได้
คือการเอ่ยปากเตือนผู้คนรุ่นใหม่
ไม่ให้ “พลาด” ซํ้ารอย
มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นไปได้
คือการเอ่ยปากเตือนผู้คนรุ่นใหม่
ไม่ให้ “พลาด” ซํ้ารอย
กฎหมายไม่ได้กําหนดว่า
คุณต้องเริ่มคิดถึงอนาคตเมื่อคุณมีอายุเท่าไหร่
คุณต้องเริ่มคิดถึงอนาคตเมื่อคุณมีอายุเท่าไหร่
แต่กฎแห่งการเงินแนะนําไว้ว่า
ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้เปรียบเป็นทวีคูณ
ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้เปรียบเป็นทวีคูณ
เครดิต ศุภชัย ไตรอุโฆษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น