วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับVC

คำศัพท์ที่ควรรู้

Startup คือการเริ่มต้นธุรกิจเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีวิธีสร้างรายได้ที่สามารถหาเงินแบบทำซ้ำและขยายได้ง่ายนั่นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน หรือเห็นโอกาสที่ยังไม่มีใครเคยเห็น เช่น แอพพลิเคชั่นเคลมประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง แอพพลิเคชั่นรวมที่จอดรถ เป็นต้น
ในทางกลับกัน หากเราสร้างเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นให้คนมาขายของ เมื่อเราทำเสร็จปุ๊บ คนเอาของมาลงขายเยอะ รายได้ที่เข้ามาก็เพิ่มมากขึ้นโดยเราไม่ต้องไปขยายอะไรตามมากมาย ยิ่งถ้าพิสูจน์แล้วว่ามันดี ทำเงินได้ ขยายไปเปิดต่างประเทศด้วยโมเดลเดิมก็ทำได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าทั้งขยายและทำซ้ำได้ เราจึงเห็น Startup ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีซะเยอะ เพราะสามารถเติบโตได้ง่ายกว่าการทำธุรกิจประเภทอื่นๆ หรือถ้าพูดเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ นั่นคือบริษัทเกิดใหม่ และเป็นคำที่นิยมใช้เรียกบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใน Silicon Valley สหรัฐอเมริกา และปัจจุบันก็นิยมใช้เรียกกันทั่วโลก  โดยกว่าจะมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ใน ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Facebook Google ก็ต้องผ่านการเป็น Startup มาก่อนแล้วทั้งนั้น

VC (Venture Capital) คือธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital หรือเรียกย่อๆ ว่า VC ) เป็น ธุรกิจที่มีการลงทุนระยะยาวประมาณ 3-5 ปี ซึ่งลงทุนเหมือนเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของกิจการในธุรกิจที่มีศักยภาพในการ เจริญเติบโตสูง นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านการเงินแล้ว VC ยัง ให้คำปรึกษาทางด้านการเงิน รวมถึงการให้คำปรึกษา ช่วยชี้แนวทางในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจที่ได้รับเงินร่วมลงทุน สามารถที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ธุรกิจเงินร่วมลงทุนได้ถอนการลงทุนผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือขายคืนให้กับเจ้าของเดิมในราคาที่ตกลงกันไว้ในกรณีที่ไม่ประสงค์จะเข้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯหรือขายหุ้นต่อให้ Strategic Partners ความหมายสั้นๆคือองค์กรที่ให้ทุน Startup

 VCs (Venture Capitalist) คือคนที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างนักลงทุนกับบริษัทที่กำลังระดมทุน พูดง่ายๆก็คือ VCs คือนายหน้าให้กับบริษัทที่มีเป้าหมายจะเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมเงินทุน จากนักลงทุนนั่นเอง โดยได้ค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลจากธุรกิจ 2-10% รวมทั้งได้ซื้อหุ้นในราคาเจ้าขิงบริษัทด้วย นอกจากเงินปันผลที่ได้ยังมีค่า commission อีกมาก ความหมายสั้นๆคืออาชีพที่เราทำอยู่


Crowdfunding คือ ระบบ Platform การหาเงินรูปใหม่ และกำลังเป็นที่นิยมกันมากในต่างประเทศ Crowdfunding คือการลงทุนจากผู้คนทั่วโลกผ่านอินเตอร์เนต เพื่อนำเงินไปทำโปรเจคอะไรสักอย่าง สาเหตุที่เกิดระบบนี้ขึ้นมา เนื่องจาก ธุรกิจที่เป็น Startup หากต้องการเพิ่มทุนในการขยายกิจการ หรือเปิดธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ การกู้จากธนาคาร จะกู้ยากและไม่ได้ 100% การทำ Crowdfunding  จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วกว่า นั่นเองครับ

IPO  (Initial Public Offering) ซึ่งก็คือการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก การจะมีหุ้นไอพีโอออกเสนอขายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่า บริษัทมองหาแหล่งเงินทุน (ที่นอกเหนือจากเงินกู้) เพื่อขยายกิจการหรือไม่ ถ้าบริษัทต้องการเงินทุนและกระจายการถือครองหุ้นให้ประชาชนทั่วไป ก็สามารถนำหุ้นของตนออกเสนอขายได้ โดยจะต้องทำผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่รับเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (underwriters) ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และต้องจัดทำหนังสือชี้ชวนตามหลักเกณฑ์ที่  ก.ล.ต. กำหนดไว้

 PP (Private Placement) คือ การเสนอขายในวงจำกัด เช่น เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันหรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น  ( ปัจจุบัน กลต. กำหนดว่านักลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ นิติบุคคลที่มีสินทรัพย์200 ล้านบาทขึ้นไป  หรือ บุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์ 40 ล้านบาทขึ้นไป)   ตราสารหนี้ที่เสนอขายแบบนี้  นักลงทุนบุคคลธรรมดาจะไม่สามารถซื้อได้

Over The Counter (OTC) คือ การซื้อขายกันเองโดยตรง เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยที่ผู้ซื้อ และผู้ขายตกลงต่อรองราคากันได้เอง หรือเป็นการซื้อขายในตลาดซื้อขายโดยตรง (negotiated market) ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนสามารถต่อรองราคาได้ตามที่ต้องการ ทั้งนี้ การซื้อขายแบบ OTC อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีตลาดอย่างเป็นทางการ

NASDAQ (National Association of Securities Dealers Automatic Quotation) นับเป็นตัวอย่างของตลาดแบบ OTC ที่ทันสมัยและประสบความสำเร็จที่สุดในโลก จนได้จัดตั้งเป็นตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ สำหรับหลักทรัพย์จดทะเบียนและ OTC Bulletin Board ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เป็นตลาดแบบมีผู้จัดจำหน่าย (dealer market) เป็นผู้รับผิดชอบการซื้อขายหลักทรัพย์ของแต่ละบริษัท dealer ยังช่วยสร้างสภาพคล่องในตลาดโดยการซื้อขายหลักทรัพย์เองด้วย

OPM (Other People Money)    คือ การที่เราใช้เงินคนอื่นในการลงทุนโดยแหล่งที่ใหญ่ที่ที่สุด และที่คนนิยมที่สุดก็คือ ธนาคาร  การให้ผลกำไรตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าถ้าเทียบกันกับการใช้เงินลงทุนส่วนตัว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น